คอมพิวเตอร์ เป็นอุปกรณ์ทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างหนึ่ง ซึ่งไม่สามารถทำงานด้วยตนเองได้ แต่จะสามารถทำงานได้ตามชุดคำสั่งในโปรแกรมที่ป้อนเข้าสู่เครื่อง
เมนูหลัก แนะนำวิธีใช้งาน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียน
หน่วยที่ 1 การเขียนโปรแกรม
แบบทดสอบก่อนเรียน แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง วิเคราะห์ก่อนการเขียนโปรแกรม เรื่อง โครงสร้างของโปรแกรม เรื่อง การเขียนโปรแกรม แบบทดสอบหลังเรียน
หน่วยที่ 2 การทำโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบทดสอบก่อนเรียน แผนผังมโนทัศน์ เรื่อง ความสำคัญของโครงงาน เรื่อง ประเภทและความสำคัญของโครงงานคอมพิวเตอร์ เรื่อง คุณลักษณะของโครงงานที่ดี เรื่อง การศึกษาผลกระทบของโครงงาน เรื่อง ขั้นตอนการพัฒนาโครงงาน เรื่อง การเขียนรายงาน เรื่อง การนำเสนอโครงงาน เรื่อง การนำเสนอผลงาน แบบทดสอบหลังเรียน แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์หลังเรียน มุมความรู้ ประวัติผู้จัดทำ

วีดีโอภายนอกที่น่าสนใจ
ปัญญาประดิษฐ์ My friend is AI (ปัญญาประดิษฐ์คืออะไร)

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ คอมพิวเตอร์ที่มีความคิดเป็นของตัวเองเหมือนมนุษย์ ปัจจุบันนี้เรากำลังใช้ AI โดยไม่รู้ตัว

การทำงานของนักพัฒนาซอฟต์แวร์

ซอฟต์แวร์จะไม่สามารถทำงานได้ หากไม่มีการเขียนคำสั่งเพื่อสั่งให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทำงาน ซึ่งผู้ที่เขียนคำสั่งการทำงานให้กับคอมพิวเตอร์ คือ นักพัฒนาซอฟต์แวร์

ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษา C

   คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ชนิดหนึ่ง ใช้ในการประมวลผลข้อมูล สามารถทำงานตามคำสั่งได้รวดเร็ว แต่ไม่สามารถคิด ริเริ่มทำงานเองได้ ต้องอาศัยผู้ใช้งาน ควบคุม เปิด ปิด หรือสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามต้องการ ด้วยชุดคำสั่งที่เขียนขึ้น ซึ่งเรียกว่าโปรแกรมหรือซอฟต์แวร์

   คอมพิวเตอร์รับคำสั่งการทำงานเป็นสัญญาณไฟฟ้า เรียกว่า ภาษาเครื่อง (Machine Language) ซึ่งมนุษย์ทำความเข้าใจยาก เนื่องจากเป็นรหัสตัวเลขแบบต่าง ๆ ไม่สะดวกต่อการสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน จึงได้มีการพัฒนาภาษาที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ขึ้นมาหลายภาษา แบ่งได้เป็น 2 ระดับ คือ ภาษาระดับต่ำ (Low-level Language) และภาษาระดับสูง (High-level Language) ภาษาคอมพิวเตอร์ ได้ถูกพัฒนามาหลายยุคหลายสมัยสามารถจำแนกยุคของภาษาคอมพิวเตอร์ได้ 5 ยุค ดังนี้

ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 1 (First Generation Language) ในยุคนี้จะสั่งงานคอมพิวเตอร์ด้วยภาษาเครื่อง เป็นภาษาที่สื่อสารกับคอมพิวเตอร์ได้โดยตรง นั่นคือ 0 กับ 1

ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 2 (Second Generation Language) พัฒนามาจากยุคที่ 1 เมื่อการเขียนคำสั่งภาษาเครื่องทำได้ยาก จึงได้พัฒนาโดยนำสัญลักษณ์มาใช้แทนรูปแบบตัวเลขในภาษาเครื่อง ภาษาในยุดนี้ได้แก่ ภาษาแอสเซมบลี

ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 3 (Third Generation Language) ในยุคนี้ได้พัฒนารูปแบบภาษาให้มีความใกล้เคียงกับภาษาของมนุษย์ยิ่งขึ้น เรียกว่า ภาษาระดับสูงภาษาในยุคที่ 3 เช่น ภาษาซี ภาษาเบสิก ภาษาปาสกาล และภาษาฟอร์แทรน เป็นต้น ภาษาในยุคนี้จะมีตัวแปลภาษา 2 ประเภท คือ คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเทอร์พรีเตอร์ (Interpreter)

ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 4 (Fourth Generation Language) ภาษาในยุคที่ 3 มีความยุ่งยาก ซับซ้อน ในการออกแบบโปรแกรม ภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 4 นี้ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อทำงานด้วยตนเอง แต่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อนำไปใช้ทำงานร่วมกับภาษาอื่น เช่น นำภาษา SQL มาใช้ร่วมกับ ภาษา PHP เป็นต้น

ภาษาคอมพิวเตอร์ยุคที่ 5 (Fifth Generation Language) ภาษาคอมพิวเตอร์ในยุคที่ 5 นี้ มีความใกล้เคียงกับภาษามนุษย์มากยิ่งขึ้น เรียกว่า ภาษาธรรมชาติ (Natural Language) ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยเสียง เป็นการนำระบบฐานความรู้มาช่วย ในยุคนี้สามารถพัฒนาหุ่นยนต์ให้มีความสามารถในการทำงานเหมือนมนุษย์ และสามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้ การใช้เสียงเป็นรหัสผ่านในการสั่งให้โปรแกรมที่กำหนดไว้เริ่มทำงาน เป็นต้น

ตัวแปลภาษาคอมพิวเตอร์

การเขียนโปรแกรมด้วยภาษาใดก็ตาม จะต้องมีตัวแปลภาษาเพื่อแปลโปรแกรมที่เขียนขึ้น ให้เป็นภาษาเครื่อง จึงจะใช้งานได้ เพราะคอมพิวเตอร์รับรู้เฉพาะภาษาเครื่องได้เพียงภาษาเดียวเท่านั้น ตัวแปลภาษามี 2 ประเภท คือ คอมไพเลอร์ (Compiler) และอินเทอร์พรีเตอร์ (Interpreter)

   1. คอมไพเลอร์ (Compiler) จะทำการแปลชุดคำสั่งทุกคำสั่งที่เขียนขึ้นจากโปรแกรมภาษาใด ๆ ทั้งหมด ให้เป็นแฟ้มชุดคำสั่งภาษาเครื่องก่อน แล้วจึงสามารถนำแฟ้มภาษาเครื่องนั้น ไปสั่งให้คอมพิวเตอร์ทำงาน โปรแกรมที่เขียนด้วยภาษาใด ๆ เรียกว่า โปรแกรมต้นฉบับ (Source Program) เมื่อแปลโดยตัวแปลภาษาแล้ว จะได้ผลเป็นโปรแกรมภาษาเครื่อง เรียกว่า โปรแกรมจุดหมาย (Object Program) ดังภาพ
ตัวแปลโปรแกรมภาษาต่าง ๆ มีจะมีชื่อเรียกตามภาษานั้น เช่น
   Assembler ตัวแปลโปรแกรมภาษาแอสเซมบลี
   C Compiler ตัวแปลโปรแกรมภาษาซี
   COBOL Compiler ตัวแปลโปรแกรมภาษาโคบอล

   2. อินเทอร์พรีเตอร์ (Interpreter) จะแปลโปรแกรมต้นทางทีละคำสั่ง ให้เป็นคำสั่งภาษาเครื่อง แล้วทำงานตามคำสั่งนั้นเลย เมื่อทำงานตามคำสั่งนั้นเสร็จแล้ว ก็จะทำการแปลคำสั่งต่อไปอีกเรื่อย ๆ จนจบโปรแกรม เหมาะสำหรับโปรแกรมที่ไม่ยาวมาก และต้องการผลลัพธฺ์ทันที ตัวแปลภาษาจะมีชื่อเรียกตามภาษานั้น ๆ เช่น ตัวแปลคำสั่งภาษาเบสิก (BASIC Interpreter)

ที่มาของภาพ :https://www.doesystem.com/62281f15b60d91d748d154fbe05362a7/Java-Compiler-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0-Java-Virtual-Machine.htm

ที่มา : http://wbi.ohonline.in.th/cp/unit1_1.html



ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภาษา ชนิดข้อมูลและตัวดำเนินการ การเขียนโปรแกรม Workshop การเขียนโปรแกรม